สวัสดีค่ะเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ :)
(รู้สึกเหมือนเป็น ส.ส. ตอนหาเสียงเลยแฮะ) เรียกเราว่า WhiteJassmine ก็แล้วกันนะคะ เรามาอเมริกาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2552
เมื่อเร็วๆ นี้คุณ Kasor ติดต่อให้มาเล่าประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่นี่ค่ะ เผื่อใครหลายๆ คนที่คิดจะมีแฟนฝรั่ง หรือกำลังหาแฟนฝรั่งอยู่อาจจะได้ข้อคิดอะไรๆ บ้าง หรืออ่านเล่นๆ ก็ได้ค่ะ ถ้ามีอะไรติติง หรือคำแนะนำอะไรก็เชิญเลยนะคะ เพราะเรายังมือใหม่อยู่ค่ะ :)
ที่นี่ช่วงนี้เป็นหน้าฝน ฝนตกบ่อยๆ แต่ว่ามีหลายฤดูในหนึ่งอาทิตย์ บางวันก็หน้าวววหนาว บางวันก็แดดเปรี้ยงๆ บางทีก็ฝนตกทั้งวันอย่างเช่นเมื่อวานกะวันนี้ อากาศที่นี่แปรปรวนซะยิ่งกว่าอารมณ์แม่มาน (คนท้อง) ซะอีก
วันนี้มีอะไรมาเล่า (บ่น) ให้ฟัง (แบบว่าเก็บกดนิดๆ อ่ะนะ) นั่งนึกภาพตัวเองคุยกะเพื่อนๆ ตัวเป็นๆ อยู่นะคะ :D
ช่วงนี้เรากำลังอยู่ในช่วงปรับตัวค่ะเพราะตั้งแต่มาที่นี่ก็เดินทางบ่อย ไปนู่นมานี่ แล้วก็ไปนี่มานู่น กำลังจะชินกับบ้านหลังเดิมก็เป็นอันต้องย้ายบ้านเพราะเพื่อนสามีชวนสามีมาทำงานด้วยที่นิวยอร์กและล่าสุดพวกเราก็เพิ่งย้ายมาอยู่นิวเจอร์ซี่ข้ามสะพานไปก็เป็นนิวยอร์ก รู้สึกแปลกๆ เพราะยังไม่ชินกับป่าคอนกรีต ยังไม่ได้ unpack ของเพราะกะว่าเดี๋ยวพอหาบ้านของตัวเองได้ก็คงได้ย้ายอีก คุณสามีก็เลยหาต้นไม้มาใส่บ้านซะจนจะกลายเป็นป่าไปแล้ว (พ่อใหญ่นี่ก็บ้าเกิน)
ในความรู้สึกนิวยอร์กก็เหมือน กทม บ้านเราที่ที่ตัวข้าพเจ้าและสามีไม่เคยคิดจะอยู่ ถ้ามาเที่ยวแบบแป๊บๆ แว๊บๆ ก็น่าสนุกดี แต่การมาอยู่เลยเนี่ยพวกเราต้องคิดหนักกันอยู่นานจน สุดท้ายก็เห็นพ้องต้องกันว่าเศณษฐกิจแบบนี้ต้องลองดูกันซักตั้งจะมัวเล่นตัวอยู่ไม่ได้ พอเศษฐกิจดีขึ้นค่อยกลับไปเป็นตัวของตัวเองก็ไม่เสียหาย พอคิดได้เลยต้องวิ่งหาบ้านกันตาเหลือกหูตั้ง แล้วเราทั้งสองก็ได้ลิ้มชิมรสการเป็น "สิงห์สิบล้อ" เย้!! (เย้กันแค่วันแรกอ่ะแหละ หลังจากนั้นก็ เมื่อยตูดซะ ที่นั่งมันไม่สบายอ่ะ ปรับเอนก็ไม่ได้ ปวดตูด ปวดหลัง โอ้ยย >: ) โดยเช่ารถขนของของบริษัท PENSKI คันเอ้บๆ จริงๆ คิดว่าน่าจะมีแค่ 8 ล้อแต่มันคันโต๊โตยิ่งกว่ารถสิบล้อบ้านเราอีกอ่ะ พวกเราขับรถจาก Florida แล้วแวะพักกะน้องชายเค้าที่ Virginia แล้วลุยต่อมาที่ New Jersey กว่าจะมาถึงก็ประมาณ 5 วัน (ก็นะ ขับรถมาจากตอนใต้ของประเทศขึ้นมาททางตอนเหนือ ) เวลานั่งรถสิบล้อแล้วรู้สึกว่ารถคันอื่นๆ เล็กกะจ้อยร้อยเป็นหอยเห็บไปเลยต้องคอยเตือนเค้าบ่อยๆ ว่า เพ่ๆ อย่าซิ่งมากนักมันไม่ใช่รถคันที่ขับประจำน้าเพ่น้า
พอขนของเสร็จอย่าเพิ่งคิดว่าจะได้เข้าบ้านเลยนะคะ เพราะเจ้าคนที่เช่าอยู่ก่อนหน้านี้เค้าไม่จ่ายค่าไฟ เห็นบอกค้างไว้เยอะ (สงสัยกันว่าที่เค้ารีบย้ายออกเพราะจะหนีค่าไฟที่ค้างไว้เป็นกองพะเนินรึเปล่า) พวกเราเลยโทรไปขอต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้ แต่ตอนหลังสามีก็โทรเจรจาจนเค้าบอกจะมาต่อให้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะมาตอนไหนให้พวกเราคอยโทรเช็คเอง ระหว่างนั้นพวกเราเลยพักที่บ้านพ่อแม่สามีที่อยู่ข้ามฟากสะพานไปเพราะจะมีพายุหิมะเข้า (หนาตั้งฟุตนึงแน่ะหนาววววมั่กๆ กะเหรี่ยงจากดอยอย่างเราจะม๊วยเอา) พอพวกเราโทรถามบริษัทไฟฟ้าว่าจะมาเมื่อไหร่ เค้าดันหาว่าพวกเราไม่อยู่รอตามนัด อ้าว!!! เราสองคนเลยเป็นงงว่าเค้านัดพวกเราตอนไหนหว่า คือเค้านัดเอง เออเอง รู้เรื่องเองแต่ไม่แจ้งพวกเราแล้วแมวที่ไหนมันจะมานั่งรอในบ้านที่ไม่มี heater (ที่นี่หนาวมากๆ ทุกบ้านต้องมีเครื่องทำความร้อนและมักจะเปิดไว้ตลอดโดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว) ในช่วงทีมีพายุหิมะตกหนาเป็นฟุตกันล่ะค้า เออเอาอะไรคิดก็ไม่รู้เนาะสงสัยจะมีหัวไว้ใส่หมวกอย่างเดียว แล้วพวกบริษัทสาธารณูปโภค (เช่น พวก บริษัทไฟฟ้า โทรศัพท์) ที่นี่เวลาเค้านัดเค้าจะไม่นัดเจาะจงเวลา แต่จะนัดทั้งวัน (บ้ามาก เห็นเวลาคนอื่นเค้าไม่มีค่ารึไงนะ) เช่น นัดวันอังคารช่วง 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น โถโถโถ เค้านัดเจาะจงเวลากันไม่เป็นเนาะแล้วพอมันจะไม่มามันก็ไม่โทรบอกปล่อยให้พวกเรารอทั้งวันจนง่าว ทั้งที่พวกเราก็ให้เบอร์ติดต่อไปแล้ว โธ่เอ๊ยแค่ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดแล้วบอกว่าไม่มาหรือมาไม่ได้ก็ทำไม่เป็น น่าสงสารเจงเจงงง (ปัญญา) ฮึ่ม >:( ศูนย์แฮง
ไม่เจอกับตัวไม่เชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ
การย้ายมาอยู่ที่นี่ทำให้รู้ว่าฝรั่งงี่เง่าเต่าตุ่นมีอยู่มากมายก่ายกองยิ่งกว่าออกซิเจนใต้ต้นมะม่วงตอนบ่ายๆ ในป่าเขาซะอีก ยิ่งเห็นค่าครองชีพที่ของทุกอย่างก็สุดแสนจะแพงแม้กระทั้งของที่ made in China ทำให้นึกถึงเพลงๆ นึงประมาณ 10 กว่าปีที่แล้วที่บอกว่า "ใครว่าอยู่เมืองนอกสบาย ใครว่าอยู่เมืองนอกสบายนะ" ยิ่งทำให้คิดถึงเมืองไทยมากขึ้นวันละหลายแสนหน ดูๆ ไปชีวิตคนที่นี่ลำบากจัง โดยเฉพาะคนที่อยู่ตามเมืองใหญ่ๆ ที่ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้าไปทำงานกลับบ้านมาก็มืดค่ำ (ว่าแล้วก็สงสารคุณสามีซะ) ไม่เหมือนชีวิตในขอนแก่นไม่รู้ว่าเราจะอยู่ที่นี่ได้ซักกี่น้ำกัน เฮ่ออ คึดฮอดขอนแก่นแฮง
ช่วงนี้ไม่อยากไปเดินห้างเลย เซ็งฝรั่งอะ :( เพราะเวลาคุณสามีไปเข้าห้องน้ำหรือลองเสื้อผ้าแล้วเราเดินดูของคนเดิยวทีไร โดนเหมาว่าเป็นพนักงานห้างบ่อยๆ (ซะงั้น) แหมเห็นเราหน้าตาซื่อบื้อๆ แม้วๆ หน่อย เหมาว่าเราเป็นพนักงานห้างซะ วันก่อนก็สดๆ ร้อนๆ ไปเดิน Asian Market มีคนมาถามหาของว่าอยู่ชั้นไหนซะงั้น สงสัยต้องไปเปลี่ยนหน้าใหม่ให้ดูไฮโซกว่าเดิมซะแล้ว (ทำไงช่วยบอกที)
ตอนนี้กำลังรอการตอบกลับจาก immigration (ต.ม.) วันๆ ก็มีเวลาฟุ้งซ่านมากมายรู้สึกเหมือนเป็นวันหยุดที่ไม่มีกำหนด วันๆ ก็หมดเวลาไปกับการเล่นกับเจ้าหมาลาบาร์ดอร์ทั้งสองตัว (หมาถูกฝึกมาดี น่ารักมาก) ดูหนังในทีวี หนังออนไลน์จนตาแฉะ บางทีก็เข้าไปดูเวปทำอาหารที่เพื่อนส่งมาให้เมื่อนานมาแล้วว่าวันๆ จะทำอะไรให้เค้าทาน จะทำอะไรห่อให้ไปกินที่ที่ทำงานซึ่งเค้าก็น่ารัก กินดะขอแค่ให้มีผักคุณเธอก็แฮปปี้ดีพร้อม รู้สึกเหมือนมีลูกชายเลยแฮะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!! จนตอนนี้คุณสามีไปคุยให้ใครต่อใครฟังอย่างภูมิใจ (คนเดียว) ว่าได้กินอาหารไทยทุกวันเหมือนยกร้านอาหารไทยมาไว้ที่บ้าน (เค้าก็เข้าใจปะเหลาะนะ) แฟนฝรั่งนี่ก็ปากหวานเนาะ :)) (แหมเป็นปลื้มม)
วันนี้เล่า (บ่น) ให้ฟังแค่นี้ก่อนนะคะ เอาไว้วันหลังจะมาเล่า (บ่น) ให้ฟังใหม่ค่ะ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ขอให้รักษาสุขภาพและมีความสุขกับปัจจุบันขณะนะคะ :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น